ย้อนรอยไฟต์แก้แค้น! “อำนาจ” สอนมวย “ซูชิหมิง” เถลิงแชมป์โลก IBF
ในอดีต มีไฟต์ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกมากมายที่อยู่ในความทรงจำของชาวไทย แต่ช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีเพียงไม่กี่ไฟต์เท่านั้นที่สามารถสร้างกระแสเป็นที่ฮือฮา จนคนไทยทั้งประเทศต้องเฝ้าหน้าจอรอชม
หนึ่งในนั้น คงต้องมีแมตช์ป้องกันเข็มขัดแชมป์โลก IBF (สหพันธ์มวยนานาชาติ) รุ่นฟลายเวท ครั้งที่ 3 ของ อำนาจ เกษตรพัฒนา หรือ อำนาจ รื่นเริง ที่โคจรมาเจอกับผู้ท้าชิงชาวจีนนามว่า “ซู ชิหมิง” (ออกเสียงถูกต้องคือ โจว ซื่อหมิง)
ย้อนกลับไปในปี 2014 ซู ชิหมิง เพิ่งเทิร์นโปรชกอาชีพได้เพียงไม่กี่ไฟต์เท่านั้น แต่คนไทยกลับรู้จักเขาเป็นอย่างดี ไล่มาตั้งแต่โอลิมปิก เกมส์ 2008 ซึ่ง อำนาจ ถูกโกงในรอบ 8 คนสุดท้าย แพ้คะแนนต่อ นักมวยชาวมองโกเลียแบบค้านสายตาคนทั้งโลก
ท้ายที่สุด เซอร์ดัมบา ปูเรฟดอร์จ ที่ชนะ อำนาจ 5-2 หมัด ก็หลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ และพ่ายแพ้ต่อ ซู ชิหมิง นักชกเจ้าภาพ ส่งผลให้ ซู ชิหมิง คว้าเหรียญโอลิมปิกสมัยแรกของเจ้าตัว ส่วน อำนาจ ตัวเต็งรุ่นนี้หลุดวงโคจร ไม่ได้แม้แต่เหรียญทองแดง
ต่อมาในโอลิมปิก เกมส์ 2012 “ซู ชิหมิง” และ AIBA กลายเป็นคู่กรณีโดยตรงกับทีมชาติไทย เพราะในรอบชิงชนะเลิศ “แก้ว พงษ์ประยูร” โดนพิษกรรมการเล่นงาน แพ้ต่อ ซู ชิหมิง ไปแบบช็อกกันทั้งโลก เนื่องจาก แก้ว เป็นฝ่ายเดินหน้าต่อย ซัดเข้าเป้ามากกว่า ส่วน ซู ชิหมิง พยายามตุกติก ทำผิดกติกาตลอด แต่กลับชนะด้วยคะแนน 13-10 หมัด
2 ปีต่อมา (ปี 2014) ไฟต์แห่งการชำระบัญชีแค้นของคนไทยก็มาถึงจนได้ เมื่อ “ซู ชิหมิง” หันมาเอาดีทางการชกมวยสากลอาชีพ ภายใต้การสนับสนุนของ บ๊อบ อารัม โปรโมเตอร์ชื่อดังที่ต้องการเจาะตลาดแฟนคลับแดนมังกร โดยได้วางแผนที่จะผลักดันให้ ซู ชิหมิง ไปถึงบัลลังก์แชมป์โลก IBF รุ่นฟลายเวต
แต่ติดตรงที่เจ้าของตำแหน่งนี้ คือ “อำนาจ รื่นเริง” คู่ปรับชาวไทยที่เคยเจอกับเขามาแล้วถึง 3 ครั้ง บนสังเวียนมวยสากลสมัครเล่น ซึ่ง ฝ่าย ซู ชิหมิง มีสถิติที่เหนือกว่า อำนาจ ชนะ 2 ครั้ง แพ้ไฟต์เดียว โดย 2 ครั้งที่อำนาจ ปราชัย เป็นรายการใหญ่อย่าง ศึกเวิลด์แชมเปียนชิพ และเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กวางโจว ประเทศจีน
ไฟต์นี้ อำนาจ ต้องการชกเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ ยอมเดินทางไปชกในถิ่นของ ซู ชิหมิง ณ เดอะ เวเนเชียน ณ เขตปกครองพิเศษมาเก๊า ท่ามกลางกองเชียร์ชาวจีนนับ 10,000 ชีวิตที่ยกพลมาแน่นสนาม
ก่อนการชก ซู ชิหมิง แสดงท่าทีมั่นใจว่าจะกระชากแชมป์โลกสถาบันหลักจากอำนาจ มาได้อย่างแน่นอน แต่เกมการชกในช่วง 5 ยกแรก ไม่เป็นแบบนั้น อำนาจ รื่นเริง เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น สายตาเปี่ยมไปด้วยความเอาจริงเอาจัง และการชิงจังหวะออกหมัดได้เฉียบคมกว่า
แม้ อำนาจ จะไปพลาดท่าเสียนับในยกที่ 2 (หากดูจากภาพช้า อำนาจ เสียหลักล้มมากกว่าโดนหมัด) แต่นักชกชาวไทย ลุกขึ้นมาโดยไม่มีอาการตื่นตกใจ เขายังคุมสติ และเดินหน้ากระแทกได้แม่นยำกว่า ซู ชิหมิง
|
|
หลังจากนั้น ตั้งแต่ยก 6 จนถึงยกสุดท้าย ซู ชิหมิง คงรู้ว่าตัวเองสถานการณ์เป็นรอง เนื่องจากยังทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน จึงเปลี่ยนแผนจากตั้งรับ มาเป็นฝ่ายเดินเข้าใส่ อำนาจ อย่างบ้าคลั่ง
แต่กลับเป็น อำนาจ ที่คุมเกมได้ทั้งหมด โชว์สายตาการอ่านเกมที่เหนือชั้น คอยโยกหลบออกอาวุธของ ซู ชิหมิง พร้อมโต้กลับคืนด้วยหมัดซ้ายหน้า และทิ้งหมัดขวาสวย ๆ หลายครั้ง รวมถึงหมัดอัปเปอร์คัตในจังหวะที่ ซู ชิหมิง ก้มต่ำ ได้อย่างชัดเจน เข้าตากรรมการเต็ม ๆ
กลายเป็นว่า ซู ชิหมิง ยิ่งเร่งเกม ก็ยิ่งออกออกอาวุธวืดวาด คลำเป้าไม่เจอ แถมยังพยายามเล่นตุกติก พุ่งตัวเข้าใส่ ล็อกคอ กดหัวอำนาจ เพื่อยั่วอารมณ์ แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร เพราะไฟต์นี้ อำนาจ เตรียมตัวมาดีเยี่ยมถึงขนาดที่ว่า 12 ยกผ่านไป อำนาจ ยังคงยืนให้น้ำที่มุม โดยที่ไม่ยอมนั่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่า พละกำลังเขายังล้นเหลือ
ผลการตัดสิน กรรมการ 3 ท่านเห็นตรงกันให้ อำนาจ ชนะคะแนน ซู ชิหมิง ไป 116-111 เสียง ดับฝันในการเป็นแชมป์โลกของ ซู ชิหมิง ต่อหน้ากองเชียร์เจ้าถิ่นเรือนหมื่นชีวิต ท่ามกลางความสะใจของ อำนาจ ที่ส่งเสียงโห่ร้องหลังทราบคะแนน รวมถึงกองเชียร์ชาวไทยที่รับชมผ่านทางช่อง MONO TV
ที่สำคัญ “อำนาจ” สอนมวย “ซูชิหมิง” ไฟต์นี้ อำนาจ รื่นเริง ยังแสดงให้ชาวจีน และคนทั้งโลกได้เห็นถึง ความสามารถที่แท้จริงของนักมวยชาวไทย ถ้าได้รับการตัดสินที่ยุติธรรมและเที่ยงตรง ไม่เอนเอียงแบบค้านสายตา คนไทยอย่าง อำนาจ รื่นเริง และ แก้ว พงษ์ประยูร ต่างหากที่คู่ควรจะไปยืนบนจุดสูงสุดมากกว่า ซู ชิหมิง
ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com
