คิกบอกซิ่งกับมวยไทย ต่างกันอย่างไร ? เอาชนะกันแบบไหน  

คิกบอกซิ่งต่างกับมวยไทยอย่างไร ? เอาชนะกันแบบไหน  


    เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี เกือบได้สัมผัสเงินจำนวน 33 ล้านบาท หากเมื่อปีที่แล้วเขาชนะการแข่งขัน คิกบอกซิ่ง ศึก ONE Super Series 

    น่าเสียดาย ที่เพชรมรกต ต้องมาต่อยไฟต์รีแมตช์กับ จอร์จิโอ เปโตรเซียน ทั้งที่ในตอนแรก กรรมการตัดสินให้ เพชรมรกต เป็นผู้ชนะไปได้แล้ว… สุดท้าย เพชรมรกต ชวดโอกาสเข้าไปลุ้นชิงตำแหน่งแชมป์รายการนั้น ไปแบบน่าเสียดายที่สุด

    หนึ่งในคำถามที่แฟนหมัดมวยชาวไทย น่าจะสงสัยก็คือ คิกบอกซิ่งกับมวยไทย แท้จริงแล้วมีความแตกต่างกันมากแค่ไหน ? เพราะดูเป็นกีฬาที่คล้ายคลึงกันมาก

    แต่ทำไมกีฬาการต่อสู้ทั้งสองชนิดถึงมีวิธีการเอาชนะ และการให้คะแนนที่แตกต่างกัน จนเกิดข้อถกเถียงบ่อยครั้ง 

    คิกบอกซิ่ง เป็นกีฬาที่เกิดขึ้นในช่วงปลาย ค.ศ. 1950’s ในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง คาราเต้ ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น กับมวยไทย ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติเรา โดยมีชื่อเรียกในตอนแรกว่า คาราเต บอกซิ่ง ก่อนที่มาผู้นิยามกีฬานี้ว่า คิกบอกซิ่ง โดย โอซุมะ โนงูชิ 

    อย่างไรก็ตาม ในอดีต คิกบอกซิ่ง มีภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีนักในบ้านเรา เนื่องจากถูกมองว่าเป็นการนำเอา มวยไทย ไปดัดแปลง และลดทอดอาวุธ จนเกิดเป็นศิลปะการต่อสู้ใหม่ โดยคนญี่ปุ่น 

    ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน คิกบอกซิ่ง เป็นกีฬาอาชีพที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง และมีตัวเลขทางธูรกิจที่สูงมา ทั้งในอเมริกา ยุโรป รวมถึงเอเชียใต้ 

    โดยทั่วไป กฏกติกาของ คิกบอกซิ่ง จะอนุญาตให้นักมวยใช้อาวุธได้เพียงแค่ 2 หมัด 2 เท้าเท่านั้น ห้ามกอด ห้ามตีเข่า ห้ามฟันศอก ยกเว้นบางภูมิภาค ที่ปล่อยให้นักเตะปล้ำตีกันได้เล็กน้อยแล้วจึงรีบแยก หรือบางภาคภูมิภาค นับลูกแทงเข่าด้วยเป็นคะแนนด้วย แต่ไม่สามารถกอดและปล้ำ เพื่อหาจังหวะสู้วงในแบบมวยไทย

    ขณะที่ มวยไทย นั้น สามารถออกอาวุธได้ถึง 8 จุดสัมผัส ได้แก่ 2 หมัด 2 ศอก 2 เข่า 2 แข้ง แถมยังสามารถกอดกันได้ เพื่อหาจังหวะออกอาวุธฟันศอก ตีเข่า 

    อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ วิธีการเอาชนะ มวยไทย อย่างที่ทราบดีว่า มวยไทย ตัดสินผู้ชนะ ตามอาการมวย ทรงมวย ว่าใครดูดีกว่ากัน ใครทำให้คู่ต่อสู้เสียทรง เสียเหลี่ยมได้มากกว่ากัน ใครเก็บอาวุธได้ดีกว่า ก็มีโอกาสเป็นผู้ชนะ หรือในบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับราคาต่อรอง สภาพแวดล้อม มวยไทย ช่วงยก 1-3 จึงเน้นไปที่การชิงจังหวะ แล้วค่อยไปใส่กันจริงจังช่วงยก 4-5 

    ส่วน คิกบอกซิ่ง ไม่ได้เน้นเรื่องทรงมวย อาการมวย ผลแพ้ชนะจะถูกตัดสินตามจำนวนอาวุธที่ออก ใครออกหมัด ออกแข้ง ได้มากกว่า และเข้าเป้ามากกว่า มีคะแนนให้ทุกยก 

    ต่อให้นักมวยคนนั้นจะถูกถีบล้มกลิ้งล้มหงาย แต่หากต่อยหมัด เตะขาได้เยอะกว่า แม่นกว่า ก็มีโอกาสที่จะชนะได้ แม้จะเสียอาการมวยมากกว่า เพราะทุกอาวุธคะแนนเท่ากันหมด ใครเตะวืด ต่อยว่าว ไม่ได้มีเสียหายต่อคะแนน 

    เมื่อจำนวนออกอาวุธที่ใช้ได้ และวิธีการเอาชนะต่างกัน ลักษณะการยืนมวยของ นักชกคิกบอกซิ่ง กับ นักมวยไทย จึงแตกต่างกัน 

    นักมวยไทย จะไม่ได้เน้นอาวุธที่ปริมาณมาก (ยกเว้นมวยประเภทจอมบู๊) แต่เน้นความหนักแรงของอาวุธ เน้นการทำให้คู่ต่อสู้ได้รับความรับบาดเจ็บ เกิดอาการมึนเพื่อให้เสียทรง ไปออกอาวุธให้คู่ต่อสู้แพ้น็อก หรือเกิดบาดแผลแตก  

    ส่วน นักคิกบอกซิ่ง จะเป็นมวยที่เน้นเข้าทำเร็ว เคลื่อนที่ตลอดเวลา ไม่ยืนเป็นเป้าหมาย เน้นการออกอาวุธเยอะๆ ใช้ลูกฉาบฉวย เพื่อเรียกคะแนนในแต่ละชก

    นี่จึงเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ ที่เราหยิบมาอธิบายถึงความแตกต่างของ คิกบอกซิ่งกับมวยไทย ประกอบการรับชม เพราะระยะหลัง อย่างที่ทราบดี มีนักมวยไทยจำนวนมาก เริ่มออกหาลำไพ่ชกคิกบอกซิ่งในต่างประเทศ อย่างเช่นในศึก ONE Championship, RISE, K-1, We lin feng, GLORY

    ซึ่งเป็นอีกกีฬาที่สร้างรายได้อย่างงดงามให้กับ นักมวยไทย และกำปั้นคนไทย ก็เป็นชาติ ที่มีความสามารถในกีฬาการต่อสู้ประเภท แลกหมัด แลกแข้ง ไม่แพ้ใครในโลกใบนี้

 


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com