ชาโด้ ท.เทพสุทิน : ได้ดี มีวันนี้ เพราะความกตัญญู

ชาโด้ ท.เทพสุทิน : ได้ดี มีวันนี้ เพราะความกตัญญู


    ความกตัญญรู้คุณคน เป็นคุณค่าที่ถูกฝังอยู่ในกีฬามวยไทย ที่ถ่ายทอดจากครูมวย หัวหน้าค่าย ถึงลูกศิษย์ เราจะได้เห็นจากทุกครั้งก่อนการชก นักมวยทุกคนต้องทำพิธีที่เรียกว่า “ไหว้ครู” เพื่อรำลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนวิชามวยไทย

    สำหรับคนที่ไม่ได้ติตดามมวยไทย และมีความคิดอคติ เราอยากให้พวกท่านเปิดใจ มองให้เห็นถึงคุณค่า แก่นแท้ ความสวยงามของ ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติเรา 

    อย่างเช่นชีวิตของนักมวยรายนี้ ชาโด้ ท.เทพสุทิน จากเด็กที่เกเร เอาดีทางการเรียนไม่ได้ “กีฬามวยไทย” ได้เปลี่ยนแปลงเขาให้กลายเป็น คนที่มีความกตัญญ รู้คุณคน และปัจจุบันเขากลายเป็น เสาหลักของบ้าน เป็นที่พึ่งของแม่ และน้อง

    ชาโด้ ท.เทพสุทิน หรือ ชาโด้ สวนอาหารปีกไม้ มีชื่อจริงว่า นายวีรภัทร ปรีชา เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2543 ในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ที่ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก ชีวิตช่วงวัยเด็ก ชาโด้ ไม่ชอบเรียนหนังสือ เกเรไปตามประสาเด็กๆ ใครเห็นก็ดูว่าเขาไม่ค่อยมีอนาคต

    กระทั่งอายุได้ 14 ปี ชาโด้ ได้รับการชกชวนจากผู้ใหญ่ที่เห็นหน่วยก้าน รูปร่าง ชาโด้ จึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเป็น นักมวยล่าเงินเดิมพันตามภูธร ในชื่อ “ดีโด้ ส.ทวีสิทธิ์”  

    ด้วยความที่เริ่มต้นชกมวยช้ากว่า ไอ้แอ็ดทั่วไป ทำให้ชาโด้ มีผลงานในช่วงแรกไม่ค่อยดีนัก แพ้เสียเป็นส่วนใหญ่ จนเริ่มท้อและอยากเลิกชกมวย แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาฮึดสู้ เพราะเชื่อฟังคำสอน จากลุงปรีชา ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เจ้าตัวเคารพ ที่ขอให้เจ้าตัวอย่าเลิกมวย รวมถึงกำลังใจจากคุณแม่ ให้เขาสู้ต่อไป 

    ชาโด้ จึงมุ่งมั่นกลับมาฝึกซ้อมให้หนักขึ้น ขยัน ตั้งใจ โดยหวังว่าจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ให้สมกับโอกาสที่ได้รับ 

    ในระยะเวลาไม่นานหลังจากนั้น ชาโด้ ก็เริ่มเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ เวทีมวยต่างจังหวัดเล็กไปแล้วสำหรับเขา ชาโด้ เข้ามาชกเวทีมาตรฐาน เพื่อเจอความท้าท้ายใหม่ ในการฟาดปากกับนักมวยที่กระดูกประสบการณ์ดีกว่าเขา 
 
    ชาโด้ อยู่ในการดูแลของ เสี่ยโรจน์ ปีกไม้ โดยมี ใหญ่ เมืองสุพรรณ เป็นผู้จัดการ ก่อนจะมาสร้างชื่อจากไล่ปราบนักมวยรุ่นพี่ชื่อชั้นเหนือกว่า อย่าง จอมโหด ช.เกตุวีณา, กายสิทธิ์ เกียรติเจริญชัย จากนั้นก็ฝากผลงานเหนือความคาดหมาย ด้วยการเอาชนะน็อก มหาเดช พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ไปชนิดที่ว่า นักชกรุ่นพี่หลับกลางอากาศ

    จากนั้นจึงขยับขึ้นไปเล่นงาน เฟอร์รารี่ จักรยานมวยไทยยิม ทำให้ ชาโด้ ได้โอกาสครั้งสำคัญขึ้นไปทาบชั้นกับ กุหลาบดำ สจ.เปี้ยกอุทัย แม้ไฟต์นั้นจะพ่ายต่อพลังหมัดของ กุหลาบดำ ร่างกายสุดบอบช้ำ ทว่า ชาโด้ แสดงให้เห็นถึงหัวใจที่กล้าแกร่ง ยังคงพยายามเดินไล่เบียดรุ่นพี่ จนสิ้นเสียงระฆังยกสุดท้าย เรียกเสียงปรบมือจากแฟนมวยทั่วสนาม ที่ถือว่า หัวใจเด็กคนนี้สอบผ่าน

    เชื่อเหลือไหมว่า เห็นชาโด้เป็นนักมวยสายพันธุ์บู๊แบบนี้ ทุกไฟต์หลังชกเสร็จ ชาโด้ ยังมีมุมที่อ่อนไหว ที่ต้องเสียทุกน้ำแทบทุกครั้งไป จากการเปิดเผยของ ใหญ่ เมืองสุพรรณ ขณะที่ในช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการชกมวย ชาโด้ ก็ไม่เคยลืมว่าใครคือคนที่สำคัญสุด ใครคือผู้ที่ทำให้เขามีวันนี้

    ชาโด้ สลัดคราบนักมวยค่าตัวแพงไปช่วยคุณแม่ขายไส้กรอกอยู่เป็นประจำ โดยไม่เคยอายสายตาคนทั่วไป เพราะหงาดเหงื่อของคุณแม่นี่แหละ ที่ทำให้เขามีวันนี้ 
    นอกจากนี้ ในช่วงโควิด-19 ไม่มีรายการชก ชาโด้ ยังรับจ้างตัดหญ้าเลี้ยงวัว ท่ามกลางแดดร้อน โดยให้เหตุผลว่า เขาเลือกออกมาทำงานรับจ้าง ก็เพื่อหารายได้ช่วยจุนเจือครอบครัว และดูแลน้อง 
    
    จากนักมวยค่าตัว 300 บาท ในวันนี้ ชาโด้ มีค่าตัวเฉียดเงินแสน ทั้งที่เพิ่งชกมวยมาได้แค่ 6 ปีเท่านั้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ คงเป็นเพราะความกตัญญู รู้คุณคน ที่ชาโด้ มีให้ต่อลูกพี่ ต่อผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส รวมถึงครอบครัวที่เลี้ยงดูจนเขาเติบใหญ่

 


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com