การกลับมาทวงความยิ่งใหญ่รอบ 11 เดือนของ “ตะวันฉาย ช.ไทยเศรษฐ์”

การกลับมาทวงความยิ่งใหญ่รอบ 11 เดือนของ “ตะวันฉาย ช.ไทยเศรษฐ์”


 “ซ้ายดารา” ตะวันฉาย ช.ไทยเศรษฐ์ คัมแบ็กกลับมาชกมวยไทยอีกครั้ง ในรอบ 11 เดือน ด้วยฟอร์มที่เรียกว่า สุดเพอร์เฟค หลังย้ำแค้นภาค 3 หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ตัวเต็งรางวัลยอดมวยถ้วยพระราชทาน ไปแบบขาดลอยกว่าที่หลายคนคิด

เพราะหนึ่งล้านเล็ก ระยะหลังก็สดแกร่งขึ้นมา พละกำลังไม่เป็นสองรองใคร จังหวะเปิดเกมรุกก็อันตราย ถึงจะปล่อยเวตขึ้นมา ก็ไม่น่าโดนไล่ต้อน

 ใครจะไปเชื่อว่า ไฟต์นี้ หนึ่งล้านเล็ก ยังแก้ทาง ตะวันฉาย ไม่ออก โดนหวดซ้ายไปหลายแข้ง ตามด้วยลูกถีบ และจังหวะฟันศอกที่ทำเอา หนึ่งล้านเล็ก ถึงกับพลาดลงไปนับ 8 ตั้งแต่ยก 2

ซึ่งผลงานในไฟต์นี้ ก็ต้องให้เครดิต ตะวันฉาย ด้วย เพราะความจริง ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ตะวันฉาย ต้องเจอบททดสอบหัวจิตหัวใจมากมาย กว่าจะได้กลับมาแสดงฝีมือบนสังเวียนเลือดอีกครั้ง

ตะวันฉาย ในช่วงปี 2561 ต้องบอกว่า เขาคือนักมวยที่ร้อนแรงสุดแห่งยุค ไล่ปราบนักมวยเก่ง ๆ ในช่วงนั้นมาหมด กวาดรางวัลมาทุกสถาบัน มีสะดุดแพ้แค่ครั้งเดียว ต่อ แสงมณี แสงมณีเสถียรมวยไทยยิม ที่มาแก้มือคืน หลังจากถูก ตะวันฉาย เตะก้านคอตามด้วยถีบน็อก ในไฟต์ก่อนหน้านั้น

น่าเสียดายที่พอมีการประกาศรางวัลยอดมวยถ้วยพระราชทาน ประจำปี 2561 ตะวันฉาย เต็งหนึ่งกลับไม่ได้รับเลือก แต่เป็น รุ้งนารายณ์ เกียรติหมู่ 9 ที่ได้รับเลือกแทน ทว่าสุดท้าย ทางคณะกรรมการ ฯ ดันมีการริบรางวัลคืน และประกาศยกเลิกการมอบรางวัลในปีดังกล่าว กลายเป็นดราม่าใหญ่ในสังคมมวย

ความผิดหวังจากการไม่ได้รางวัลยอดมวยก็ว่าแย่แล้ว ตะวันฉาย ยังต้องมาเจอปัญหาใหญ่ ในเรื่องของน้ำหนักตัว เนื่องจากเป็นคนที่มีโครงสร้างร่างกายสูงใหญ่ จึงเริ่มทำน้ำหนักต่ำกว่า 141 ปอนด์ ลำบากแล้ว ส่งผลให้ เขาเริ่มหาคู่ชกในไทยได้ยากเหลือเกิน ในเวตน้ำหนักนี้ จะประกบใครก็ดูไม่สูสี

ทำให้ ตะวันฉาย ต้องเริ่มออกไปชกคิกบอกซิ่งที่ประเทศ จีน เพื่อหาลำไพ่ ไฟต์สุดท้ายที่ชกในไทย เกิดขึ้นในเดือน กันยายน ไฟต์นั้น ตะวันฉาย ไล่อัด ชูเจริญ ดาบรันสารคาม ไปแบบขาดลอย นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่มีรายการในไทยอีกเลย

จนต้องออกไปชกคิกบอกซิ่งมวยรอบที่จีน ในศึก Wu lin feng โดยครั้งนั้น ตะวันฉาย ฝ่าด่านคู่แข่งมาถึงรอบ 4 คนสุดท้ายได้ ก่อนมาโดนกรรมการจับแพ้น็อก เจีย เอ้าฉี ในยก 2 เนื่องจากพายุหมัดชุดใหญ่ จนออกอาการ

ก็ยังมีคอมเมนท์บางส่วน วิจารณ์ ตะวันฉาย ทั้งที่ไฟต์นั้นเจ้าตัวปล่อยน้ำหนักขึ้นไปชกในรุ่น 147 ปอนด์ เจอคู่ชกที่ใหญ่กว่า หลังจากนั้น ตะวันฉาย ก็โชคร้ายมาเจอโควิด-19 ทำให้ต้องเว้นว่างจากชกมวยไปอีกยาว ๆ

สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้เกี่ยวกับ ตะวันฉาย ก็คือ ช่วงที่ไม่มีโปรแกรมชก เพราะโควิด-19 ตะวันฉาย ยังคงฟิตซ้อม ทำร่างกาย แม้ยังไม่รู้ว่าจะมีรายการขึ้นเมื่อไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้ละเลย หรือปล่อยตัว ทำให้เมื่อถูกประกบเจอกับ หนึ่งล้านเล็ก เจ้ากัน จึงสามารถรีดน้ำหนักมาชกในพิกัด 144 ปอนด์ หรือ 65 กิโลกรัมได้

    ส่วนเกมการชกอย่างที่หลายคนเห็น ตะวันฉาย มีพัฒนาการขึ้นมามาก จากเดิมที่เน้นออกแข้งซ้าย อาวุธยังไม่หลากหลาย ไฟต์นี้เจ้ากัน มีการใช้ศอก และต่อยหมัดออกมาให้เห็น โดยเฉพาะศอก ที่เรียกแผลแตก และทำให้ หนึ่งล้านเล็ก เจองานยากมากขึ้นกว่าเดิม ไล่ไม่ทัน ยอมรับสารภาพกันไป

เหนือสิ่งอื่นใด ตะวันฉาย คือ นักมวยที่มีสปิริตเสมอมา หลายไฟต์เขามีโอกาสทำคู่ต่อสู้น็อก แต่ถ้ารูปเกมดูแล้วขาดลอย ตะวันฉาย จะแสดงน้ำใจไม่ทำให้น็อก 

เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไม่ทำให้น็อก เพราะว่า นักมวยทุกคน เป็นเพื่อนร่วมอาชีพเขา ไม่ได้ต้องการทำให้ใครบอบช้ำเพิ่มเติม เพียงเพื่อหวังรางวัลพิเศษ เขาจึงให้เกียรติคู่ชกเสมอมา นั่นคือสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เป็น

 ชัยชนะในไฟต์นี้ จึงเป็นการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของ ตะวันฉาย สมศักดิ์ศรีนักชกเบอร์ 1 ของค่ายพี.เค.แสนชัย น่าสนใจว่า ด้วยฟอร์มที่แกร่งขนาดนี้ ไฟต์ต่อไป ตะวันฉาย จะพบกับใครต่อดี ? หรือหันไปเอาในการชกต่างประเทศเต็มตัวเลย


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com