“น้ำอะไรก็ไม่สู้น้ำใจ” ศึกเพชรยินดีช่วยเยียวยาค่ายมวยในช่วงวิกฤตโควิด-19

"ศึกเพชรยินดีช่วยเยียวยาค่ายมวย ช่วงวิกฤตโควิด-19"


    ภาวะแบบนี้ การเห็นอกเห็นใจกัน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับสังคมไทยโดยรวม ไม่เฉพาะแค่สังคมมวย หากคนที่พอมีกำลัง มีอำนาจ ลุกขึ้นช่วยเหลือแบ่งปันให้คนที่มีน้อยกว่า ปัญหาที่ดูหนักหนาก็อาจเบาบางลง จนสามารถก้าวผ่านวิกฤตไปได้ ซึ่งการแบ่งปัน น้ำอะไรก็ไม่สู้น้ำใจ ที่หยิบยื่นให้แก่กัน

    อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า นี่เป็นช่วงเวลาเว้นว่างที่ไม่มีมวยไทยจัดชกอย่างที่เคยเป็นมา เมื่อโปรโมเตอร์ไม่มีมวยจัดชก ก็ไม่สามารถเก็บเงินค่าตั๋วจากผู้ชมได้ 

    ผู้ที่รับผลกระทบตามมาก็คือ ค่ายมวย ที่ลงทุนกับสถานที่ อุปกรณ์ เทรนเนอร์ เพื่อฝึกสอนขัดเกลานักมวย พานักมวยไปตระเวนชก ไปฝากฝังหวังให้ โปรโมเตอร์ จัดนักมวยในสังกัดของตน มีรายการชก เป็นรายได้ของค่ายและนักมวย ซึ่งนักมวย หลังจากที่ไม่มีรายการชก ก็ว่าง บางคนยังฝึกซ้อม บางคนต้องกลับไปบ้านเกิด หารายได้ทางอื่นกันหลายคน

    อย่างในศึกสายใหญ่ๆ ก็จะมีค่ายมวยหลากหลาย ทั้ง ค่ายใหญ่, ค่ายขนาดกลาง ไปจนถึงค่ายเล็กๆ ในต่างจังหวัด จำนวนมาก เกาะกลุ่มอยู่รวมกันเป็นสังคมหนึ่ง 

    เมื่อเส้นเลือดใหญ่อย่าง โปรโมเตอร์ ไม่สามารถจัดมวยได้ ก็ย่อมกระทบไปถึง ค่ายมวยต่างๆ ที่หมดสิทธิ์เสนอนักมวยขึ้นชกไปโดยปริยาย

    ในช่วงเวลาที่ โปรโมเตอร์เองก็ไม่มีรายได้ มวยหยุดจัด “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกสายเพชรยินดี ตัดสินใจลุกขึ้นมาเป็น โต้โผในการช่วยเหลือเยียวยา ค่ายมวยต่างๆ ที่รวมหัวจมท้ายในศึกสายเพชรยินดี ค่ายละ 10,000 บาท  ซึ่งเป็นเขาโอนเงินให้ทุกค่ายกับมือตัวเอง 


    “แต่กลับกลายเป็นผมอิ่มเอมและมีความสุขที่สุด ที่ได้รับคำขอบคุณและความรู้สึกดีๆที่เป็นพลังให้ผมอยากทำดีแบบนี้ต่อไป บางคนร้องไห้ดีใจ บางคนตื่นตันน้ำตาไหล เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริงๆครับ”    เสี่ยโบ๊ท ให้เหตุผลว่า “ผมเชื่อในคำนี้เสมอ คนที่อยู่กับเราในยามที่เรามีความสุขไม่สำคัญ เท่าคนที่อยู่เคียงข้างเราในยามลำบาก เมื่อวานนี้ผมเป็นคนโอนเงินให้ทุกคนกับมือของตัวเองทุกคน เพราะต้องการจะส่งกำลังใจให้เขาได้มีแรงต่อสู้เพื่อฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปให้ได้

    “จริงๆแล้วผมไม่อยากใช้คำว่าช่วยเหลือเลย อยากจะใช้เป็นคำว่า “ขอบคุณ” แทนมากกว่า ขอบคุณค่ายมวยทุกๆค่ายที่อยู่ด้วยกันมาด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ ขอบคุณที่ทุกค่ายไม่เคยคิดจะทิ้งเพชรยินดีไปไหน ในเวลาที่ทุกคนลำบากผมเองก็ไม่สามารถทิ้งครอบครัวของผมได้เช่นกัน”
 
    “ผมคงไม่สามารถทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ปล่อยให้ทุกคนต้องต่อสู้ดิ้นรนเพียงลำพัง ถ้าไม่มีค่ายมวยทุกๆค่าย ก็คงไม่มีเพชรยินดีในวันนี้ มันอาจจะไม่ใช่เงินมากมาย แต่มันคือการยืนยันคำพูดของพวกเราที่ว่า “ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์เราจะไม่ทิ้งกัน”

    ทั้งหมดรวมเป็นเงินจำนวนถึง 590,000 บาท ถูกส่งต่อไปยังค่ายมวยกว่า 60 แห่เพื่อเป็นการแสดงถึงน้ำใจ และการช่วยเหลือในยามที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง 

 
    เงินจำนวนนี้สำหรับบางค่าย อาจไม่ได้มากมาย แต่สำหรับค่ายเล็กๆ มันอาจจะเป็นแปรเปลี่ยนอุปกรณ์มวยใหม่ แทนของเดิม, เป็นทุนสำรองไว้ยามฉุกเฉิน, เป็นเงินช่วยเหลือนักมวยบางส่วนที่เดือดร้อน… เหนือสิ่งอื่นใด เราเชื่อเหลือเกินว่ามันมีคุณค่าทางใจต่อผู้รับ ในช่วงเวลาที่ลำบาก 


    สิ่งที่อยากเห็นต่อจากนี้ คือทุกศึกทุกสาย หันมาช่วยเหลือกันค่ายมวยในสังกัดตามกำลัง เพราะนาทีนี้ น้ำที่ทุกคนต้องการมากที่สุด น้ำอะไรก็ไม่สู้น้ำใจ ..น้ำใจไมตรีที่มีให้แก่กัน 

    จากการช่วยเหลือในครั้งนี้ พี่ๆ น้องๆ สายเพชรยินดี ต้องขอขอบคุณ เสี่ยโบ๊ท และค่ายเพชรยินดี เป็นอย่างมากครับ

 


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com