บทสรุป 6 ข้อ ศึกจ้าวมวยไทย นัดปฐมฤกษ์ยุค New Normal

บทสรุป 6 ข้อ “ศึกจ้าวมวยไทย” นัดปฐมฤกษ์ยุค New Normal


จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับศึกจ้าวมวยไทย นัดเปิดสนาม วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นมวยไทยนัดแรก หลังพักเบรกยาวมา 100 กว่าวัน ร่วม 4 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

ผลการแข่งขัน เป็นไปอย่างที่หลายท่านทราบแล้ว บรรลือฤทธิ์ ชนะน็อกยก 2 ทัพหน้า ผ่านเข้าไปยืนรอชิงมวยรอบแชมเปียนม้าบิน ครั้งที่ 7, ชาญยุทธ พลิกราคาแพงแพ้ คีรีหลวง, สมิงดำ ป้องกันแชมป์ย้ำแค้น เพชรสุนทรี คาถิ่น และ แก่นพิทักษ์ เก๋ากว่าหยุดฟอร์มฮอตรุ่นน้อง หนึ่งอุบล 

อย่างไรก็ดี วันนี้ มวยเด็ด 789 จะมาสรุป 6 สิ่งที่เห็น ศึกจ้าวมวยไทย ช่อง 3 นัดประเดิมยุคใหม่ New Normal ไมมีผู้ชม แต่มีมาตรการรักษาปลอดภัยด้านสาธารณสุขเต็มพิกัด พร้อมกับได้เห็นมิติใหม่ ๆ ของมวยไทย

1. จัดดีไม่มีบกพร่อง : ก่อนอื่นต้องชื่นชมเวทีมวยสยามอ้อมน้อย ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้น ความเอาจริงจัง ในการเตรียมความพร้อม เพื่อต้อนรับมวยไทยให้กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง และทางอ้อมน้อย ก็ทำหน้าที่ เจ้าบ้านนัดแรกได้อย่างดีเยี่ยม ไร้ที่ติ

ตั้งแต่หน้าเวที มีจุดคัดกรอง ด้านใน การฉีดพ่นสเปรย์แอลอฮอล์ อุปกรณ์นวม ชุดนักมวย ในห้องพักมีการแย่งเตียงนักมวย โดยมีที่กั้นอย่างชัดเจน รวมถึงมีการจำกัดควบคุมคนบริเวณข้างสนามได้เป็นอย่างดี จากที่เคยมีอยู่ที่มุมฝั่งละเป็น 10 คน บัดนี้ให้เหลือเพียงแค่ พี่เลี้ยงไม่กี่คนเท่านั้น ภาพที่ถ่ายทอดสดออกไปจึงสวยงาม 

2. ธรรมเนียมใหม่ใส่เฟซชิลด์ : เป็นภาพที่เพิ่งเคยขึ้นในวงการมวยไทย เมื่อกรรมการผู้ห้ามบนเวที ต้องสวมเฟซชิลด์ ใส่หน้ากากอนามัย สวมถุงมือยาง ทำหน้าที่ห้ามบนเวที 

นอกจากนี้ นักมวยก่อนขึ้นสังเวียน ไปจนถึงขั้นตอนไหว้ครู ก็ต้องสวมเฟซชิลด์ ส่วนพี่เลี้ยงอยู่ข้างมุม ก็ต้องใส่เฟซชิลด์ตลอดเวลา กรรมการผู้ให้คะแนนนก็ใส่เฟซชิลด์ เรียกว่าเป็นภาพแปลกตาใหม่ ๆ ที่เห็นนักมวย กรรมการ พี่เลี้ยง รวมใจกันใส่เฟซชิลด์ ป้องกันการแพร่ระบาด 

3. ออกอาวุธกันมันขึ้น : สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างคือ พอเป็นมวยไทยแบบไม่มีเซียนมวยและกองเชียร์ นักมวย เลือกเดินเข้าหา ออกอาวุธตั้งแต่ยกแรก ไม่มีรอราคา ทำให้เกมค่อนข้างเปิดแลกกัน ชิงจังหวะกันตั้งแต่ยกแรก 

เหมือนได้ดูมวยที่ออกอาวุธแบบยก 3 ตั้งแต่ยก 1 ซึ่งก็ทำให้อรรถรสการรับชมมวยไทย มันส์ยิ่งขึ้น เพราะนักมวยไม่ประหยัดอาวุธ เคาะติ๊ดซึ่งรอราคายก 1-2 เหมือนแต่ก่อน 

4. มวยเข่าลำบาก : แต่จุดที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ มวยเข่า น่าจะหากินลำบากขึ้น เพราะจากมาตรฐานเท่าที่ดู 4 คู่ถ่ายทอดสด กรรมการจะคอยจับแยก ไม่ค่อยปล่อยให้ นักมวยล็อกคอหาจังหวะตีสักเท่าไหร่ คือ ถ้าล็อกคอปุ๊ป แล้วตีไม่ได้ กรรมการจะรีบจับแยกทันที


นักมวยจึงต้องมาแลกวงนอก แลกแข้ง แลกหมัด กันเป็นส่วนใหญ อย่างคู่ของ สมิงดำ ฉ.อจลบุญ กับ เพชรสุนทรี จิตรเมืองนนท์ ความจริง สมิงดำ เป็นมวยประเภทเดินเสียบเข่า แต่พอใช้เข่าได้ยากขึ้น ก็ปรับมาสู้วงนอก แล้วทำได้น้ำหนัก แม่นยำกว่า จนเป็นฝ่ายชนะไปแบบขาดลอย 

น่าสนใจว่า ถ้ากรรมการมวยไทย ยึดมาตรฐานนี้คือ ถ้าล็อกแล้วตีได้ ปล่อยตี ถ้าล็อกแล้วยังไม่มีช่องตี รีบแยก แบบนี้ น่าจะทำให้ นักมวยประเภทขุนเข่าคงต้องปรับตัว และฝึกปรืออาวุธวงนอกมากขึ้น 

5. ไร้เสียงเชียร์ ไม่มีเซียนกดดัน : หนึ่งในสิ่งที่เคยเป็นสีสัน และเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสิน ในอดีต ก็คือ เซียนมวย กับ ผู้ชมในสนาม อย่างที่เห็นว่า วันนี้ ไม่มีบรรยากาศกองเชียร์ นักมวยได้ยินเสียงพี่เลี้ยง กรรมการบนเวทีชัดเจน ทำให้นักมวยไม่ค่อยอ่อยอิ่ง รอราคา ก็ใส่แลกกันไป 

ส่วนเรื่องผลการตัดสิน อาจมีบางคู่ที่ค้านสายตาแฟนมวยทางบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่กับ วิจารณาญาณของผู้ให้คะแนนข้างเวที ซึ่งเห็นเหตุการณ์ได้ใกล้กว่าเรา ๆ ว่าจะคิดเห็นอย่างไร จุดนี้เราคงไม่ขอก้าวก่ายเรื่องการทำหน้าที่ของ กรรมการผู้ให้คะแนน 

6. มาตรฐานที่ควรนำเป็นแบบอย่าง : ภาพรวม ศึกจ้าวมวยไทย ประเดิมจัดนัดแรกได้น่าประทับใจ ทำให้คนในสังคมเห็นว่า วงการมวยไทย ตื่นตัวแค่ไหน ? และมีความพร้อมสำหรับการแข่งขัน ให้ได้มาตรฐาน ตรงตามที่ ภาครัฐ ต้องการ 

บทสรุป 6 ข้อ ศึกจ้าวมวยไทย วันนี้ ทำให้เห็นว่า เวทีอื่น ๆ ควรต้องลงทุน ใส่ใจ และทำทุกอย่างให้ได้มาตรฐาน เหมือนอย่างอ้อมน้อย เพื่อให้สังคมเห็นว่า วงการมวยไทย พร้อมแล้วสำหรับการรับมือการแข่งขันกีฬามวยไทย ยุค New Normal

 


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com