“บทเรียนของวงการมวยจากโควิด-19”
สำหรับคนวงการมวย คงไม่มีใครคาดคิด และอยากให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เดินทางมาถึงจุดนี้
หากดูจากตัวเลข ปัจจุบันมีเซียนมวย ผู้เกี่ยวข้องกับวงการมวย ติดเชื้อทะลุหลักร้อยคน และที่น่าเศร้าเป็นอย่างมาก มีถึง 2 ราย เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ขณะที่คนมวย อีกจำนวนหนึ่งยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
2-3 วันก่อน ผู้เขียนได้มีโอกาสฟังไลฟ์สดของ เสี่ยโบ๊ท – ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์คนหนุ่มหัวก้าวหน้า ที่มีมุมมองความเห็นน่าสนใจเกี่ยวกับมวยไทย ซึ่งประเด็นหนึ่งที่รู้สึกสะดุดใจ จนอยากหยิบยกนำมาเล่าต่อก็คือ ความรับผิดชอบ และ บทเรียนของวงการมวย ที่ต้องเรียนรู้จากวิกฤตนี้
เสี่ยโบ๊ท ย้อนความกลับไปตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม “สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศ ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือ ไปยังสนามมวยลุมพินี, ราชดำเนิน และเวทีมวยอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้งดการแข่งขันออกไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด เนื่องจากสนามมวยเป็นสถานที่มีคนจำนวนมาก มาอยู่รวมกัน
ทว่าหนังสือขอความร่วมมือดังกล่าว กลายเป็นหมัน เมื่อผู้มีอำนาจเพิกเฉย การแข่งขันมวยยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายรายการ นานนับสัปดาห์ ไม่ใช่แค่นัดวันที่ 6 มีนาฯ เท่านั้น
จนกระทั่งพบผู้ติดเชื้อจากสนามมวย เป็นข่าวคราวใหญ่โต และสถานการณ์ดูท่าจะยากเกินควบคุม เวทีมวยต่างๆ จะทยอยกันปิดสนาม โปรโมเตอร์ต่างๆ ที่จัดตามโควต้า หรือจัดในช่วงทีวี ก็พลอยหยุดตามไปด้วย
ดังนั้นเขามีความเห็นว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีส่วนการจัดมวยดำเนินการต่อไป ควรต้องมีการออกมารับผิดชอบต่อ นักมวย และหัวหน้าค่าย รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ณัฐเดช มองว่า นั่นคือสิ่งที่ วงการมวยไทย ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสังคมได้ เพราะการตัดสินใจของคนเพียงไม่กี่คน ที่ไม่ยอมทำตาม หนังสือขอความร่วมมือจาก สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยฯ
อย่างในศึกเพชรยินดี “เสี่ยโบ๊ท” เขาเตรียมช่วยเหลือหัวหน้าคณะ นักมวยในศึกสายของตน ซึ่งเขาหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับวงการมวยไทยในภาพรวม
ที่ถึงเวลาแล้ว ในการต้องมานั่งทบทวน และเรียนรู้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนนำไปแก้ไข ไม่ใช่ใช้วิธีการแบบพวกมากลากไป แตะต้องไม่ได้, วงการมวยต้องถูกเสมอ ส่วนไหนที่ผิดก็ต้องยอมรับ ส่วนไหนที่ไม่ใช่ก็ต้องชี้แจงทำให้เกิดความกระจ่าง
รวมถึงเรื่องของมวยถ่ายทอดสด เสี่ยโบ๊ท ไม่เห็นด้วยที่โปรโมเตอร์ จะจัดมวยตู้แบบปิดไม่ให้ผู้ชมเข้าสนาม ในสถานการณ์แบบนี้
จริงอยู่ การจัดแบบไม่มีคนดู มีความปลอดภัย ลดการแพร่ระบาดได้ แต่เมื่อมีการจัดมวยทีวี สิ่งที่ตามมาคือ ผู้คนจะไปรวมตัวกันหน้าตู้เพื่อเล่นการพนันอยู่ดี และถ้าหากมีใครสักคน ได้รับเชื้อ จนป่วยเป็นโรคโควิด-19 เพราะไปสุงสิงกับผู้คน ดูมวยตู้…“วงการมวยไทย” ก็จะยิ่งถูกตราหน้าเข้าไปอีก
ประโยคหนึ่งในการไลฟ์ของเสี่ยโบ๊ท ที่ผู้เขียนรู้สึกชอบและเห็นด้วยก็คือ “จิตสำนึกที่ดีต้องมาก่อนผลประโยชน์”
แน่นอนว่า ในวงจรของมวยไทยอาชีพ ไม่มีใครหรอกครับ ที่อยากให้มวยต้องหยุดจัด, เวทีมวยต้องปิดไป เพราะหากมวยไทยสามารถดำเนินการจัดต่อได้ นั่นเท่ากับว่า สนามมวย จะมีรายได้จากโปรโมเตอร์, โปรโมเตอร์จะมีรายได้จากผู้ชม นักมวย หัวหน้าคายจะมีรายได้จากมีรายการชก, เซียนมวย มีสถานที่ให้เล่นการพนัน แทงมวย, คนชอบดูมวยก็จะมีความบันเทิงไว้รับชม
แต่ในบางสภาวะการณ์ “จิตสำนึก” และ “ความรับผิดชอบ” อาจต้องเป็นสิ่งที่ถูกคำนึงก่อนผลประโยชน์ อย่างเช่น บทเรียนของวงการมวย จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เมื่อปล่อยให้สถานการณ์ถึงจุดนี้ ก็สายเกินไปที่จะควบคุม เพราะไฟได้ไหม้ฟางไปแล้ว
ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com