ขึ้นชื่อว่า “กีฬาการต่อสู้” ย่อมสามารถเกิดความอันตรายถึงชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะสู้กันในกติกาไหน ถ้าหากเหตุการณ์ทุกอย่างมันลงล็อก โศกนาฏกรรมบนสังเวียน ก็อาจจะเกิดได้ทุกช่วงเวลา แฟนมวยหลายคนในยุคปัจจุบัน มีบางส่วนที่เกิดความกังวลถึงการสวมนวมเล็กขึ้นต่อสู้ สำหรับบทความนี้จะพาแฟนมวยไปติดตามถึงเหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
เหตุการณ์สะเทือนขวัญบนสังเวียนเลือด เคยมีอยู่หนึ่งเหตุการณ์ที่แฟนมวยทั่วโลกต่างรู้สึกเศร้า และสร้างความหดหู่ให้กับผู้ที่รับฟังเรีองราว ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2525 ไฟต์ “อยู่ หรือ ตาย” ของ คิม ด็อก กู (KIM DUK COO)
** คิม ด็อก กู *** ออกเสียง ด็อก ตามสำเนียงเกาหลี
ศึกชิงแชมป์รุ่นไลท์เวท WBA สมาคมมวยโลก ระหว่าง เรย์ “บูม บูม” มันชินี่ แชมป์ชาวสหรัฐอเมริกา ป้องกันแชมป์ครั้งแรกกับ รองเบอร์ 1 จากเกาหลีใต้ คิม ด็อก กู ในกติกามวยสากลนวม 8 ออนซ์ กำหนด 15 ยก ที่ สังเวียน ซีซ่าพาเลส ก่อนชกภายในโรงแรมที่พัก ระหว่างที่ทำการต่อสู้กับการลดน้ำหนัก คิม ด็อก กู ที่อยู่ในอาการเครียด กลับบันทึกข้อความลงบนโต๊ะตรงโคมไฟ คำว่า “อยู่ หรือ ตาย” เปรียบเสมือนเขาได้เดิมพันชีวิตไว้กับการชิงแชมป์โลกครั้งนี้
ระหว่างทำการแข่งขัน เรย์ มันชินี่ ฝีมือเหนือกว่าชัดเจน ไล่ซัดนักชกพลังโสมไม่ยั้ง แต่ทว่าด้วยความเป็นนักสู้ คิม ยิ่งโดนยิ่งเดิน กระทั้งยก 11 เรย์ อัด คิม จนต้องคุกเข่า และ ในยกที่ 13 เรย์ ยังแกร่งเดินรัวหมัดอัดที่หัวของ คิม ไม่ยั้งแต่ คิม ก็ยังสู้ต่อ เกมเดินทางมาถึงยกที่ 14 เรย์ ไม่มีทางเลือก เพื่อหนทางสู่ชัยชนะ เขาต้องอัด คิม ให้หมอบ
เรย์ ปล่อยหมัดขวาจน คิม เสียหลัก เขาไม่รอช้ากดซ้ายตามแต่วืดไป หลังจากนั้นหมัดขวาที่มาพร้อมกับแรงเหวี่ยงสุดกำลัง กดเข้าที่หัวของ คิม อย่างจัง จนตัวของนักชกเกาหลีลอยจากพื้น หล่นหัวกระแทกกับผืนผ้าใบ และหมดสติไป จนเจ้าหน้าที่สนามต้องส่งตัว คิม ที่อยู่ในอาการโคม่าไปโรงพยาบาลทันที
หลังจากที่แพทย์พยายามทุกวิถีทางในการยื้อชีวิต แต่ก็ไม่เป็นผล คิม เสียชีวิตลงในที่สุด และหลังจากนั้น 4 วัน แม่ของ คิม ที่ต้องเสียลูกชายอันเป็นที่รัก ก็ได้ผูกคอตายตามกันไป เป็นข่าวที่สุดอนาจหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง
จะเห็นได้ชัดว่า นวมใหญ่ จะเป็นอันตรายมากเกี่ยวกับสมอง เพราะว่าเราไม่สามารถเห็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากภายนอกได้ รวมไปถึงตัวนักมวยเอง บางคนใจสู้มากแม้จะเจ็บหรือมึนมากแค่ไหน ก็จะสู้จนถึงที่สุด เหมือนกับเหตุการของ คิม ด็อก กู
ขณะที่กีฬา MMA ที่สวมนวมเล็ก ก็มีเหตุการณ์ที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาศตร์ของกีฬาการต่อสู้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2550 แซม วาสเกวซ นักสู้วัย 30 ปี โดนหมัดของคู่ชกเข้าเต็มคาง เขาหมดสติลงและมีอาการชักเกร็ง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เซนต์ โยซฟ แพทย์วินิจฉัยว่าเขามีเลือดออกในสมอง และเกิดภาวะสมองบวม จนต้องนำกระโหลกศีรษะบางส่วนออกเพื่อให้สมองที่บวมไม่ถูกบีบ
พฤศจิกายน ซึ่งนับเป้นนักสู้รายแรกของกีฬา MMA ที่เสียชีวิตบนแผ่นดินอเมริกาเหนือ
ขณะที่ในเมืองไทย ก็เคยมีข่าวสลดทำนองนี้เช่นกัน เมื่อ เพชรมงคล ส.วิไลทอง มวยเด็ก วัย 13 ปี ถูกต่อยน็อกคาเวที จ.สมุทรปราการ ในปี พ.ศ.2561 โดยระหว่างยกที่ 3 เพชรมงคลถูกต่อยจนล้มทั้งยืนกลางเวที แต่กรรมการตัดสินบนเวทีไม่ได้เข้ามาช้อนคอรับศีรษะแต่อย่างใด ทำให้ศีรษะกระแทกพื้น จนหมดสติคาเวที ก่อนถูกหามส่งร.พ.บางจากพระประแดง
แพทย์พบว่าศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จึงส่งไปรักษาต่อที่ร.พ.สมุทรปราการ และเสียชีวิตในช่วงบ่ายวันที่ 12 พ.ย.
นี่คือส่วนเล็กๆของ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวงการมวยทั่วโลกในช่วงเวลาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าจะนวมเล็ก หรือ นวมใหญ่ ก็ย่อมมีความอันตรายทั้งนั้น แฟนมวยควรเลิกถงเถียงประเด็นนี้กันได้แล้ว ไม่ว่าจะนวมแบบไหน ถ้าหากโดนเข้าจุดสำคัญ หรือ โดนสะสม ความอันตรายก็มีไม่น้อยไปกว่ากันเลย
เราควรมาโฟกัสเรื่องของการตรวจและดูแลร่างกายนักมวยก่อนขึ้นชกจะดีกว่า เพื่อไม่ให้เข้าวลี “วัวหายล้อมคอก”
ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com