เลื่อนจัดไม่ใช่ทางออก ! “วงการมวยไทย” กับการก้าวผ่านมรสุมลูกที่ 2

เลื่อนจัดไม่ใช่ทางออก ! “วงการมวยไทย” กับการก้าวผ่านมรสุมลูกที่ 2


    พายุลูกใหญ่กำลังพ้นผ่าน “วงการมวยไทยอาชีพ” ไปอีกระลอก หลังจากรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มวยไทย ถูกสั่งห้ามจัดถึง 2 ครั้งกินระยะเวลารวมกันกว่า 5 เดือน 

    งวดแรก โควิด-19 ระบาดหนัก จนโดนคำสั่งเบรกยาวตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงปลายเดือนมิถุนายน 2563 ทำเอานักมวยตกงานไม่มีรายการต่อย บางรายถอดใจเลิกชกไปทำมาหากินอาชีพอื่น ที่มั่นคงกว่า

    พอทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง มวยตู้ทีวี, มวยออนไลน์ กำลังเรตติ้งดีวันดีคืน คำสั่งเบรกไม่มีกำหนด งวดสองก็ตามมาส่งท้ายปี 2563 หลังพบการระบาดใหญ่ที่ จังหวัดสมุทรสาคร คราวนี้ทำเอานักมวยแทบหมดกำลังใจ จากเดิมที่ได้ค่าตัวลดลงมาครึ่งหนึ่ง ฝึกซ้อมเหนื่อยยากแสนเข็ญ สุดท้ายอดชกอีกรอบ เพราะเจอคำสั่งห้ามจัด 
 
    ในโชคร้ายยังมีโชคดี เพราะคราวนี้ ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19) ได้อนุญาตให้ เวทีมวย สามารถจัดการแข่งขันแบบระบบปิด ไม่มีผู้ชมเข้าสนามได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป 

    เบื้องต้นตอนนี้มีการยืนยันแล้วว่า ศึกจ้าวมวยไทย และศึกมวยไทย 7 สี ได้คลอดโปรแกรมนัดแรกออกมาแล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. และวันเสาร์ที่ 13 ก.พ.

    ถือเป็นข่าวดี แต่ยังไม่ใช่ข่าวดีที่สุด เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า สถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ? ถ้ามีการระบาดหลักพันคนต่อวันอีก มวยไทยอาชีพ และกีฬาอื่นๆ จะถูกสั่งเบรกอีกไหม ? 
 
    ทั้งที่ความจริงการสั่งปิดสนามมวย ห้ามจัดแข่งขัน โดยหวังจ่ายเงินเยียวยาจากงบประมาณรัฐ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดสักเท่าไหร่ ?

    ถ้ามองตามบริบทความเป็นจริง “มวยไทยอาชีพ” เป็นกีฬาที่ใช้คนเกี่ยวข้องในเวทีน้อยมาก แค่พี่เลี้ยงไม่กี่คน, กรรมการให้คะแนน, ผู้ตัดสิน, ผู้ควบคุมการแข่งขัน, นักมวย อาจรวมถึงทีมงานถ่ายทอดสด ถ้าทุกคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสนาม ยกเว้นนักมวยตอนขึ้นเวที สวมหน้ากากอนามัย เฟซชิลด์ โอกาสติดเชื้อแทบเป็น 0 เลย

    รวมถึงมาตรการป้องกันอื่น ๆ เช่น การสร้างที่กั้นนักมวยแยกจากกันชัดเจน กำหนดทางเดินระหว่างเปลี่ยนคู่, การจำกัดจำนวนสื่อมวลชนเข้าสนาม, การลงมือตรวจโควิด-19 อย่างละเอียด ตั้งแต่ก่อนชก วันชก และการกักตัวหลังชกเพื่อเฝ้าดูอาการ ถ้าหากทำได้ทั้งหมดความเสี่ยงจะเกิดระบาดมีน้อยถึงน้อยมาก  

    เพราะ “นักมวย” มีความแตกต่างจากกับนักกีฬาหลายอาชีพ เนื่องจากส่วนมาก ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในค่าย ยิ่งช่วงมีรายการเก็บตัว แทบไม่ได้ออกไปไหน โอกาสในการไปรับเชื้อจากภายนอกมีน้อยเข้าไปอีก 

    แถมนักมวยเวลามีรายการ สภาพร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว ดูได้จากตอนที่มีการระบาดใหญ่ในเวทีมวยลุมพินี แม้แต่โฆษกกรรมการบนเวทียังติดเชื้อ แต่นักมวยทุกคนปลอดภัย ไร้โควิด-19 จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินข่าวเลยว่า มีนักมวยไทยติดโควิด-19 

    แต่การเบรกไม่ให้จัดทุกครั้ง เมื่อมีการระบาดหลัก หลายร้อยถึงพันคนต่อวัน นั้นเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวงจรกีฬาอาชีพ เพราะนักมวยไทยไม่สามารถวางแผนอนาคตได้เลย กลายเป็นอาชีพที่ไม่มีความแน่นอน และบางทีเราอาจสูญเสียทรัพยากรนักกีฬามีความสามารถไป เหมือนอย่างที่ รุ้งนารายณ์ เกียรติหมู่ 9 ตัดสินใจเลิกชกมวยไปทำงานเป็นครูมวยในสิงคโปร์แทน เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดรอบสอง 

    บางที ไทยเราน่าจะดูแบบ หลายประเทศในโลกที่ยังจัดแข่งขันกีฬาอยู่ เช่น อเมริกา ที่จัด NFL, NBA ฝั่งยุโรปที่จัดฟุตบอลลีก ชาติเหล่านี้ล้วนมียอดผู้เชื้อต่อวัน และยอดรวมสะสมสูงกว่าไทยมากมาย 

    แต่เหตุผลที่ประเทศเหล่านั้น อนุญาตให้การแข่งขันกีฬาอาชีพ เดินหน้าต่อไปได้ แม้ไม่มีคนดูในสนาม เพราะทุกชาติตระหนักดีถึงความสำคัญของการจัดกีฬาต่อไป และมองเห็นว่า การสั่งหยุดจัดกีฬา หรือ เลื่อนจัดไม่ใช่ทางออก ในการแก้ไขปัญหาของวงการกีฬา แต่ทางออกคือ การอนุญาตการแข่งขันสามารถจัดได้แบบระบบปิด โดยใช้มาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น จริงจัง 

    ซึ่งมวยไทยอาชีพ ถ้าจัดในระบบปิดไม่อนุญาตให้คนดูและบุคคลภายนอกเข้า เมื่อเทียบกับหลาย ๆ ลีกกีฬาระดับโลก มวยไทย เราใช้ทรัพยากรบุคคลต่อนัด น้อยกว่ามาก และขนาดสนามก็ไม่ได้ใหญ่ สามารถป้องกันดูแลสอดส่องควบคุมได้ง่ายกว่า 

    ดังนั้นแทบไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องปิดห้ามจัดมวยไทยทุกรอบ ที่พบการระบาดในระดับประเทศ ปล่อยให้มวยไทยได้จัดต่อไปแบบไม่ต้องให้คนนอกเข้าสนาม มีการตรวจตราที่เข้มข้มก็ยังดีกว่า สั่งหยุดไปเลย เพราะอย่างน้อยก็ยังถ่ายทอดสดได้ ไม่กระทบกับสปอนเซอร์ นักมวยก็ยังมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว

 


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com

Facebook page : มวยเด็ด789

Youtube Channel : มวยเด็ด789