ไฟต์สุดท้ายของ “เขาค้อ” ที่จบลงแบบช็อคคนไทยทั้งประเทศ 

ไฟต์สุดท้ายของ “เขาค้อ” ที่จบลงแบบช็อคคนไทยทั้งประเทศ 


    ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานกี่ปี แฟนหมัดมวยก็ยังคงจดจำความมหัศจรรย์ของ “คู่แฝดแชมเปียนโลก” อย่าง “เขาทราย และ เขาค้อ แกแล็กซี่”  ได้เป็นอย่างดี 
 
    เพราะทั้งคู่นอกจากจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกันเป๊ะแล้ว เขาทราย กับ เขาค้อ ก็ยังสามารถไต่เต้าไปถึงบัลลังก์แชมป์มวยโลกได้เหมือนกันอีกด้วย 
 
    แม้ว่าดีกรีความโด่งดังนั้น “เขาทราย” จะเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะเริ่มเส้นทาง มวยสากลอาชีพ ก่อน แถมยังป้องกันตำแหน่งได้ถึง 19 ครั้งติดต่อกัน กลายเป็นแชมป์โลกไร้พ่ายผู้ยิ่งใหญ่  ด้วยสถิติชนะน็อกถึง 16 ครั้ง 
 
    รวมระยะเวลาที่ เขาทราย ครองเข็มขัดแชมป์โลก WBA รุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท ยาวนาน 2,628 วัน หรือ  7 ปี 2 เดือน 30 วัน
 
    ส่วน เขาค้อ นั้น แม้ว่าฝีมือชั้นเชิงการชกที่ไม่ได้เป็นสองรองจาก เขาทราย แต่ทว่าโชคชะตาวาสนาของสองคู่แฝดกลับมีไม่เท่ากัน เพราะเขาค้อได้เป็นแชมป์โลกเพียงแค่ 2 สมัยเท่านั้น ก่อนแขวนนวมไปด้วยวัย 30 ปี 

    ทั้งที่ว่ากันตามตรง “ความสามารถของเขาค้อ” สมควรจะไปได้ไกลกว่านี้ หากโชคชะตาไม่เล่นตลกเสียก่อน  
 
    เขาค้อ เริ่มต้นชกเส้นทางมวยสากลอาชีพหลังจาก เขาทราย ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์โลกที่โด่งดังไปแล้ว โดย เขาค้อ เดิมทีทำหน้าที่เป็นคู่ซ้อมลงนวมให้กับ เขาทราย ควบคู่กับการชกมวยไทยในชื่อ “เด่นจ๋า เมืองศรีเทพ” 

 
    แต่เมื่อเขาทรายสามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้ ทางแชแม้ จึงมองเห็นว่า “เขาค้อ” มีศักยภาพที่น่าจะไปถึงจุดเดียวกับ แฝดผู้น้อง จึงได้เบนเข็มให้ เขาค้อ แกแล็คซี่ มาต่อยมวยอาชีพครั้งแรกในปี 2528 
 
    ซึ่ง เขาค้อ ก็เปิดตัวในการชกอาชีพได้สวยหรู มีแววจะเด่นดังได้ เพราะผลงานตลอด 22 ไฟต์แรก เขาค้อ คว้าชัยรวด โดยเป็นการชนะน็อกถึง 17 ครั้ง กระชากเข็มขัดแชมป์มวยสากล เวทีราชดำเนิน รุ่นแบนตัมเวทมาครอง 
 
    พร้อมกรุยทางสู่เส้นทางการ ชิงเข็มขัดแชมป์โลก รุ่นแบนตัมเวท ของ WBA (สมาคมมวยโลก) โดยก่อนหน้านี้ เคยมีนักมวยชาวไทยมีโอกาสชิงแชมป์รุ่นนี้แล้วถึง 6 คน แต่กลับไม่มีใครสมหวังได้แชมป์มาครองเลย “เขาค้อ” จึงเป็นความหวังของวงการกำปั้นบ้านเราในเวลานั้น

    สำหรับคู่ต่อกรในไฟต์ที่ 23 การชกมวยอาชีพของ เขาค้อ ก็คือ วิลเฟรโด บัซเกซ นักชกชาวเปอร์โตริโก เกมการชกจัดขึ้นที่ เวทีมวยชั่วคราว อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก เมื่อเดือน พฤษภาคม 2531 

    ผลการชก เขาค้อ เอาชนะคะแนนคู่แข่งไปได้ กลายเป็นนักมวยไทยคนแรกที่ได้แชมป์รุ่นแบนตัมเวทของสถาบันหลัก และขึ้นแท่นเป็น แชมป์โลกคนที่ 12 ของประเทศไทย
 
    น่าเสียดายระยะเวลาในการเป็นแชมป์โลกสมัยแรกของ เขาค้อ แสนสั้น เพราะในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 1 นักชกชาวไทยปราชัยต่อ มุน ซัง กิล ผู้ท้าชิงชาวเกาหลีใต้ โดยแพ้แตกไปในยกที่ 6 

 
    แต่ เขาค้อ ก็กลับมาทวงบัลลังก์ได้สำเร็จในไฟต์ต่อมา เมื่อสามารถแก้มือชนะคะแนน มุน ซัง กิล ได้สำเร็จ ในเดือน กรกฏาคม ปี 2532 

    ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดเลยในไฟต์ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่สอง ไฟต์สุดท้ายของ “เขาค้อ” จะกลายเป็นแมตช์สุดท้ายของเจ้าตัว
 
    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือน ตุลาคม ปี 2532 ที่เวทีมวยราชดำเนิน “เขาค้อ” ขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์กับ หลุยส์ ซิโต้ เอสปิโนซา ผู้ท้าชิงชาวฟิลิปปินส์ 

 
    เพียงแค่ยกแรกของการแข่งขัน หลังจากทั้งคู่แลกหมัดกันดุเดือด ในจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างถอยออกมาเพื่อรอจังหวะ “เขาค้อ” ก็แสดงอาการผิดปกติบางอย่างออกมา เขาพยายามเอานวมปาดตา เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาค้อ ก็ล้มลงไปแบบไม่ได้สติ ชนิดที่ศีรษะฟาดคากับเชือกเวที แบบช็อกคนดูทั้งประเทศ 
 
    เอสปิโนซา กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วน เขาค้อ ต้องเข้ารับการปฐมพยาบาลกันอย่างเร่งด่วน เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำเอาหลายคนตกใจ ก่อนจะมีการเฉลยในภาคหลังว่า “เขาค้อ” ป่วยเป็นโรควูบ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับนักกีฬาอาชีพที่ดูภายนอกแข็งแรง 
 
    หลังจากเสียแชมป์โลกไปได้ 2 เดือน เขาค้อ ก็มาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ร่วมกับเขาทราย โดยตนเองได้รับบาดเจ็บหนักต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู จึงทำให้ เขาค้อ ต้องแขวนนวม ส่วน เขาทราย ได้รับบาดเจ็บไม่หนัก จึงชกมวยต่อไปได้
 
    แม้จะเสียแชมป์โลกและต้องเลิกมวยไปในวัยเพียง 30 ปี แต่เขาค้อก็ยังทำหน้าที่เป็น คู่ซ้อมของเขาทราย  และเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เคียงข้องความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของแฝดผู้น้องขวัญใจชาวไทยอย่าง เขาทราย แกแล็คซี่

 


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com

Facebook page : มวยเด็ด789

Youtube Channel : มวยเด็ด789