“12 ปีไม่มีคำว่าสาย” : 23 ส.ค.2551 สมจิตร จงจอหอ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก

23 ส.ค.2551 สมจิตร จงจอหอ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก


ย้อนกลับไปวันนี้ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คนไทยทั้งประเทศ ต่างดีใจกันถ้วนหน้า 23 ส.ค.2551 สมจิตร จงจงหอ กำปั้นจอมเก๋าวัย 33 ปี คว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์มาฝากพี่น้องชาวไทยได้สำเร็จ 

เขาฝากวลีอมตะ “ผมเจ็บมาเยอะ” ที่พูดแทนความรู้สึกอัดอั้นตันใจ เพราะกว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จ ได้เหรียญทองโอลิมปิก วีรบุรุษจากจังหวัดนครราชสีมา ต้องอดทนต่อสู้มานานนับสิบปี จนเคยมีความคิดอยากเลิกมวยด้วยซ้ำ

 สมจิตร เริ่มต้นเข้าสู่ถนนสายกำปั้น ด้วยการเป็นนักมวยไทยในชื่อ “ศิลาชัย ว.ปรีชา” ก่อนที่ผู้ใหญ่จะเห็นแวว และดึงสมจิตรเข้ามาอยู่ในแคมป์ขุนพลเสื้อกล้าม มวยสากลสมัครเล่น ทีมชาติไทย ตั้งแต่ปี 2539

เขายอมทิ้งรายได้ที่สม่ำเสมอในกีฬามวยไทย มาอดทนปีแล้วปีเล่า ไต่เต้าจากตัวสำรอง เบียดรุ่นพี่ ขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมชาติ ลงแข่งขันมานับไม่ถ้วน

ในวัย 29 ปี สมจิตร กลายเป็น นักชกความหวังเหรียญทองโอลิมปิก 2004 ของทัพนักกีฬาไทย เพราะเจ้าตัวกวาดแชมป์รายการอื่นมาหมด เหลือแค่โอลิมปิก เพียงอย่างเดียว

บวกกับช่วงวัย 29 ปี หากพลาดครั้งนี้ โอกาสแก้ตัวแทบเลือนลาง ดังนั้นในโอลิมปิก 2004 ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่ สมจิตร จงจอหอ และหวังว่าอย่างน้อยเขาน่าจะหยิบเหรียญรางวัลติดมือมาฝากคนไทย

ทว่าในโอลิมปิก 2004 สมจิตร พลาดท่าตกรอบ 16 คนสุดท้าย โดยแพ้ต่อ ยูริออร์กิส แกมบัว นักชกคิวบา ที่สุดท้าย คว้าเหรียญทองในการแข่งขันครั้งนั้น ทั้งที่ สมจิตร ออกนำไปก่อน

เขาเดินทางกลับประเทศ แบบมือเปล่า ไม่ได้มีแม้แต่เหรียญเดียวติดมือ ความผิดหวังในครั้งนั้น  สมจิตร ถึงขั้นเคยคิดอยากเลิกชกมวย

เพราะบรรดารุ่นน้องอย่าง มนัส บุญจำนงค์ , วรพจน์ เพชรขุ้ม , สุริยา ปราสาทหินพิมาย ต่างประสบความสำเร็จแซงหน้าเขาไปหมดแล้ว

 ปีต่อมา เขากลับมากัดฟันสู้ต่อ ชกในเอเชียนเกมส์ ก็ยังไม่ได้เหรียญทอง หยิบมาได้เพียงเหรียญเงิน แต่ด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ สมจิตร ก็ยังคงพยายามตั้งใจฟิตซ้อม เพื่อลุ้นตั๋วไป โอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่เขาหวังให้เป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายในการรับใช้ชาติ

มจิตร ในวัย 33 ปี พิสูจน์ให้เห็นว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข เขาผ่านด่านรอบแรก ด้วยการชนะ นักมวยโมรอกโก 4-6 แต้ม, รอบสองเจอของแข็งอย่าง ซาเมียร์ แมดมาดอฟ จากอาเซอร์ไบจาน แต่เอาชนะมาได้ 10-2 รอบ 8 สุดท้าย สมจิตร ปราบ อันวาร์ ยูซูนอฟ จากทาจิกิสถาน

ก่อนจะโชว์ฟอร์มสด เอาชนะ วินเซนโซ ปาคาร์ดี จากอิตาลี มาได้ 7-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ นักมวยคิวบาอย่าง อังเดร ลาฟฟิตตา

เกมการชก จัดขึ้นนวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2551 ในไฟต์นี้ สมจิตร ปรับแผนจากต่อยซ้ายมาใช้หมัดขวาทำคะแนน ทำเอา กำปั้นชาวคิวบา หลงเหลี่ยมถูกทิ้งห่างไปไกล ตั้งแต่ยก 1-3 สุดท้ายจบการแข่งขันด้วยสกอร์ขาดลอย 8-2 คะแนน 

    23 ส.ค.2551 สมจิตร จงจอหอ คว้าเหรียญทองที่รอคอยมาครองได้สำเร็จ หลังจากต่อสู้ฝ่าฟัน อดทน ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในการเส้นทางนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย และกลายเป็นวีรบุรุษเหรียญทองโอลิมปิก คนที่ 4 ของไทย ต่อจาก สมรักษ์ คำสิงห์, วิจารณ์ พลฤทธิ์ และ มนัส บุญจำนงค์


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com