5 ประเด็นหลังเกม “ธนญชัย” อาถรรพ์ชิงแชมป์ “บังสรร” สุดจัด 

5 ประเด็นหลังเกม “ธนญชัย” อาถรรพ์ชิงแชมป์ “บังสรร” สุดจัด 


จองคิวเป็นคู่ดุเดือดแห่งปี ของเวทีมวยสยามอ้อมน้อย แบบไร้คู่แข่งได้เลย สำหรับศึกจ้าวมวยไทย ยุคใหม่ New Normal ประจำวันเสาร์ที่ 18 ก.ค. 2563 ที่ทาง เสกสรร อ.ขวัญเมือง เป็นฝ่ายเอาชนะ ธนญชัย สมหวังไก่ย่าง คู่ปรับเจ้าเดิมไปได้แบบขาดลอย เอกฉันท์ 

 เสกสรร VS ธนญชัย ถูกประกบมาเจอกันเป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดยไฟต์นี้ มีเข็มขัดแชมป์รุ่น 140 ปอนด์ เวทีมวยสยามอ้อมน้อย เป็นเดิมพัน ซึ่งท้ายที่สุด เสกสรร ก็คว้าไปครอง และเพิ่มสถิติที่เหนือกว่า เจ้าหงส์ ในการพบกัน 6 ครั้งจนได้ โดย เสกสรร เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3 ครั้ง แพ้ 2 เสมอ 1 ครั้ง

และนี่คือ 5 ประเด็นหลังเกม “ธนญชัย” vs “บังสรร” ที่ทาง เพจมวยเด็ด 789 หยิบมาฝากผู้อ่าน เกิดอะไรขึ้นกับ ธนญชัย ทำไมถึงยังลบอาถรรพ์ชิงเข็มขัดไม่ได้ และจุดเปลี่ยนอะไรที่ทำให้ไฟต์นี้ เสกสรร คว้าชัยไปแบบขาดตั้งแต่ยก 4

 1. จุดเปลี่ยนเกม  : ช่วงปล่อยตัว วันนี้ดูว่า สภาพของ ธนญชัย ฟิตเปรี๊ยะเลย ได้หวดเนื้อ ๆ ไปหลายดอก ในช่วงต้นยกแรก ส่วน เสกสรร เหมือนกับว่าเครื่องยังไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่ แต่มีช็อตหนึ่งที่ ธนญชัย ถอยหลังหกล้มเอง แบบไม่ได้โดนอาวุธเสกสรร ตอนที่ลุกขึ้นมา เหมือนมีอาการเจ็บข้อเท้า ไม่แน่ใจว่าข้อเท้าพลิกหรือเปล่า

เพราะหลังจากนั้น แทบไม่เห็น ธนญชัย หวดขาสักเท่าไหร่ มาออกหมัด ฟันศอก เป็นส่วนใหญ่ ตรงนี้ถ้าข้อเท้าพลิกจริง ก็อาจมีผลต่อเกมการชก

แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ ของเกมนี้ เกิดขึ้นในยก 2 ธนญชัย พลาดแตกอีกแล้ว โดนเสกสรร ฟันศอก ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนมาชก เดินบู๊เร็วขึ้นสองเท่า พอจังหวะเร่ง กลายเป็นไปพลาด ยิ่งเร่งยิ่งพลาด สุดท้ายก็เป็นงานที่ไม่ยากเกินไปสำหรับ เสกสรร

    2. ร่างกายยังแน่น : อย่างที่เราเห็นว่า เสกสรร ขยับร่างกายซ้อมมาเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่พอได้ยินข่าวแว่ว ๆ ว่า มวยจะกลับมาชกอีกครั้ง ผลจากการฟิตซ้อมหนัก และดูแลสภาพร่างกาย ไม่ยอมปล่อยตัว ก็ทำให้เมื่อกลับคืนสังเวียนรอบ 4 เดือนกว่า เสกสรร ไม่มีปัญหาเรื่องร่างกาย 

 ไฟต์นี้แม้ว่าจะใช้ร่างกายเยอะ โดนเฉพาะยก2-3-4 ที่ใส่กันแบบลืมตาย แต่เสกสรร ดูยังหายใจสบาย และพละกำลังยังเหลือ ๆ จนสิ้นเสียงระฆัง

 3. ปิดจ๊อบสวยงาม : อีกจุดหนึ่งที่ เสกสรร พัฒนาขึ้นมาคือ ในสถานการณ์ที่ขึ้นนำขาดแล้ว เขาก็เริ่มหันมาเน้นจังหวะตั้งรับมากขึ้น ไม่ได้เดินบวกแลกอย่างเดียว แบบสมัยก่อน เพื่อควบเชิง สถานการณ์ จนจบ

เพราะด้วยวัยที่มาก 31-32 ปีแล้ว จะให้ไปบู๊แบบสมัยหนุ่มๆ คงไม่ได้ ต้องรักษาสภาพร่างกายไว้บ้าง ซึ่งในมุมมองของเรา เสกสรร ทำถูกต้องแล้วที่ในสถานการณ์นำขาด ไม่เดินแลก ให้ธนญชัย เข้ามาหาบ้างโดยใช้หมัด ลูกถีบ กอดรัดล่าง เผาเวลาไป

    อีกประการ อาจเป็นเพราะวันนี้ ธนญชัย ใบหน้าบอบช้ำมาก เสกสรร คงเห็นใจรุ่นน้อง จึงไม่อยากทำเพิ่ม เพราะเกมค่อนข้างขาดแล้ว ยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ย่อมเข้าใจหัวอกกันดี

 4. อาถรรพ์วันชิงแชมป์ ?  : จุดที่แตกต่างกันของ เสกสรร และ ธนญชัย คือ ประสบการณ์ในการเป็นแชมป์ คือ นักมวยที่จะเป็นแชมป์ได้ แค่ความสามารถอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย

ธนญชัย อย่างที่รู้ว่า เขามักพลาดเสมอ ยามมีโอกาสได้ชิงแชมป์ ส่วน เสกสรร ดีกรีแชมป์เวทีราชดำเนิน ที่ครองตำแหน่งมายาวนาน คงพอบอกได้ว่า เขารู้จักรสชาติของการเป็นแชมป์อย่างดี

 เพราะการชกเพื่อชิงแชมป์เข็มขัด มันมีความกดดัน ความเครียด และตื่นเต้น มากกว่าไฟต์ทั่วไป ที่ผลแพ้ชนะ ไม่ค่อยมีผลอะไร ธนญชัย ภาพรวมไม่ได้เป็นรองเสกสรรเลย แต่เรื่องการควบคุมจิตใจ ยามเป็นไฟต์สำคัญ ที่มีเข็มขัดแชมป์เป็นเดิมพัน

จุดนี้ เสกสรร อาจจะทำได้ดีกว่า นิ่งกว่าเวลาชิงแชมป์เข็มขัด มีความมั่นใจ ก็เลยมีผลต่อเกมการชก จนสุดท้าย ธนญชัย ผิดหวังอีกครั้ง และ เสกสรร สมหวังอีกครั้ง

    5. กราบหัวใจสองนักสู้ : เหนือสิ่งอื่นใด ต้องชื่นชม และคารวะในความเป็นนักสู้ ที่แลกกันสุนก คุ้มค่าตัว ถูกใจแฟนมวยทางบ้าน เป็นตัวอย่างให้น้อง ๆ เห็นว่า ลูกผู้ชายต้องแลกกันแบบนี้ ไม่ใช่หวังหน้าเสื่อ ตัวเงินมาดันสู้อย่างเดียว

ยิ่งโดยเฉพาะยก 3 ที่เปิดสงครามศอก เป็นช็อตที่มันสุด ๆ บีบหัวใจคนดู ปีนี้รางวัลคู่ดุเดือดไม่หนีไปไหนแน่นอน เพราะใส่กันขนาดนี้ ใครทีพลาดชม คงเสียดายแย่ เพราะปีนี้ไม่รู้จะมีคู่มวยบ้าร่ะห่ำแบบนี้อีกหรือเปล่า


ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com