ควันหลง คู่เดิมพัน 1.5 ล้านบาท ที่ลงเอยนอกสังเวียน
การที่ผู้ชมกับผู้ตัดสิน จะมีความคิดเห็นหรือมุมมองที่แตกต่างกัน ย่อมเป็นของวงการกีฬาทั่วโลก
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น คือ การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ไม่ว่าจะทางคำพูดและการกระทำ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลายลุกลามมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อวานที่ผ่านมา (19 พ.ย.) เกิดข่าวใหญ่ของวงการมวยไทย ในศึกเพชรวิทยา ที่เวทีมวยราชดำเนิน คู่เอกระหว่าง ฤทธิเดช ศิษย์ครูเดช กับ หยกเงิน เดชเพชรสีทอง คู่เดิมพัน 1.5 ล้านบาท เพื่อสร้างสีสัน
เกมดำเนินไปถึงยก 4 ก็เกิดการปะทะคารมระหว่าง วันชัย ผ่องศรี กรรมการผู้ห้ามบนเวที ดีกรีอดีตนักมวยสากลทีมชาติไทย กับ สุรศักดิ์ แซ่ตั้ง หรือ เฮียตี๋ ทีเด็ด 99 เจ้าของค่ายมวยชื่อดัง และโปรโมเตอร์เวทีมวยลุมพินี
โดยทางฝั่ง เฮียตี๋ มองว่า กรรมการวันชัย ตัดสินเอนเอียงไปฝั่งมุมแดง เนื่องจากรีบกดนักมวยเร็วเกินไป ในจังหวะที่สู้วงใน ทำให้ หยกเงิน ตีได้ไม่ถนัด และที่ทนไม่ได้ คือ จังหวะเตือน ทำให้เกมออกมาขาด ตนจึงรู้สึกว่าการทำหน้าที่มีเงื่อนงำ
ทำให้ เฮียตี๋ จึงต่อว่าและตำหนิการทำหน้าที่ของ กรรมการวันชัย ซึ่งเมื่ออีกฝั่งได้ยิน ก็คุมอารมณ์ไม่อยู่ มีการโต้ตอบไปมา ก่อนที่ ท่านเปาวันชัย จะเดินลงจากเวที พร้อมกับท้าทายให้ เฮียตี๋ ไปเจอกันนอกสังเวียน
เดือดร้อนถึงขนาดที่ในยกสุดท้าย ต้องเปลี่ยนตัวผู้ตัดสินด้านบนเวทีเลยทีเดียว ผลการชกจบลงด้วยชัยชนะของ ฤทธิเดช คว้าเงินเดิมพันไป 1.5 ล้าน
แต่เรื่องราวหลังจากนั้นกลับไม่จบ เพราะตามรายงานข่าว ได้ระบุว่าเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันระหว่าง กรรมการวันชัย กับ เฮียตี๋ ทำให้ฝั่งของโปรโมเตอร์ชื่อดัง ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลบนใบหน้า จนต้องไปแจ้งความบนโรงพัก
กรณีนี้ในฐานะสื่อสายมวย เราไม่ขอออกความเห็น หรือชี้นำว่าใครผิดหรือถูก เรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ หลักฐานพยาน และกระบวนการยุติกรรม เป็นผู้ตัดสินดีกว่า
แต่สิ่งที่อยากเขียนคือ ความรุนแรงไม่ใช่จุดจบของปัญหา อันที่จริงถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ทางออกของเรื่องนี้ อาจไม่ได้จบที่การทำร้ายร่างกายเช่นกัน
ฝั่งของผู้ตัดสิน แน่นอนว่าเขาก็เป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ จิตใจ และความรู้สึก การถูกตำหนิ ด่าทอ ย่อมอาจสร้างความโมโหได้
แต่ในหมวกของกรรมการ คุณก็ไม่สามารถไปทำร้ายใครได้ โดยเฉพาะคนที่ซื้อเงินเสียตั๋วเข้าชม หากตนเองไม่ได้เป็นดั่งคำกล่าวหา ก็ไม่จำเป็นต้องไปเดือดร้อน หรือก็แค่เปิดโต๊ะชี้แจง เพื่อล้างคำครหานั้น
ส่วนฝั่งของแฟนมวย บางครั้งต้องทำความเข้าใจในมุมมองของกรรมการ เมื่อมีการตัดสินใจตัดสินหนึ่ง ย่อมมีทั้งฝั่งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
ในเมื่อกฏกติกาที่เขียนขึ้น ต้องอาศัยดุลพินิจของกรรมการ ในการตัดสิน เราก็ควรต้องยอมรับและเคารพในการตัดสินด้วย
หากรู้สึกว่ามีสิ่งใดไม่ชอบมาพากล ก็ใช้กระบวนการทางกฏหมาย หรือหาหลักฐาน เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหา อาจได้ผลกว่าการตะโกนด่าทอ
เพราะอย่างที่เห็น คนหนึ่งก็ต้องได้รับบาดเจ็บ อีกคนก็ตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่ีกรรมการเวทีราชดำเนิน เพราะครอบครัวเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
บทสรุปของเรื่องนี้ต่างเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่….ดังนั้นเราคนวงการเดียวกัน การพูดคุย เจรจา ชี้แจงข้อเท็จจริง ย่อมเป็นทางออกที่ดีกว่า การใช้กำลัง
ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com