สถานีโทรทัศน์ JKN18 ส่งรายการมวยน้องใหม่ “ศึกมวยไทยเกียรติเพชร” ลงตู้ด้วยคู่มวยชั้นดี ให้แฟนมวยดูฟรีถึงบ้าน ประเดิมนัดแรก วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม นี้ ที่เวทีมวย เวิลด์ สยาม สเตเดียม ตะวันนา บางกะปิ กรุงเทพฯ ถ่ายทอดสด ระหว่างเวลา 16.30 – 18.30 น.
แน่นอนว่าคู่มวยนัดเปิดป้าย ต้องจัดมวยแม่เหล็กชกเรียกแฟนมวย คู่เอก เป็นการพบกันไฟท์ที่ 4 ระหว่าง คมเพชร โชติบางแสน กับ วิว เพชรโกศล พิกัด 126 ปอนด์ ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่ชกกันมา 3 ไฟท์ ในพิกัด 126 ปอนด์เท่ากัน ปรากฏว่า วิว ชนะ 2 ไฟท์แรก และไฟท์ล่าสุด คมเพชร ตีไข่แตก เอาชนะได้เป็นครั้งแรก
ไฟท์ที่ 1 วิว ชนะคะแนน ในการชกคู่เอก ศึกมวยมหากุศลฯ วันอังคารที่ 28 กันยายน 2564 ที่เวทีมวยฝนจางชลบุรี
ไฟท์ที่ 2 วิว ชนะคะแนน ได้ครองแชมป์เฟเธอร์เวท ช่อง 7 สี ในการชกคู่เอก ศึกมวยไทย 7 สี วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 ที่เวทีช่อง 7 สี
ไฟท์ที่ 3 คมเพชร ชนะคะแนน ในการชกคู่ 2 ศึกรวมพลคนสมุย วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2565 ที่เวทีมวยเพชรบัญชา อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
การชก 2 ไฟท์แรก วิว เป็นฝ่ายชนะไปตามสภาพแวดล้อม หน้าเสื่อ และกระแสการเชียร์ของเซียนมวย ส่วนไฟท์ที่ 3 คมเพชร “ตีไข่แตก” เอาชนะได้เป็นครั้งแรก เพราะใช้แผน ชกอยู่ข้างเชือก คอยจังหวะดักโต้อาวุธ ไม่ยอมปะทะไปจนครบ 5 ยก แน่นอนว่า หลังการชกทั้ง 3 ไฟท์ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้แพ้ทั้งสิ้น
แต่ดูเหมือนว่า ความพ่ายแพ้ของ วิว จะเป็นที่พูดถึงมากที่สุด โดยแฟนมวยกล่าวหา คมเพชร ว่า ชกเอาเปรียบคู่ต่อสู้ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับอยู่ในที แต่ก็ขอโอกาสชี้แจงเหตุผล ที่ต้องชกในทรงดังกล่าวว่า ตนมีโปรแกรมเดินทางไปชกกับ มาซาชิ คุมุระ รองแชมป์ K-1 เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่น 55 กิโลกรัม ชาวญี่ปุ่น ในศึก K-1 เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2022 โยโกฮามัตสึริ ในวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2565 ณ สังเวียน โยโกฮามา อารีนา
จึงจำเป็นต้องชกระวังตัวและถนอมร่างกาย เพราะหากว่ามีแผลแตก หรือตรวจพบความบอบช้ำ K-1 จะไม่อนุญาตให้ขึ้นชก ซึ่งนั่นอาจจะทำให้โอกาสในการ โก อินเตอร์ จบสิ้นลง โดยไม่ทันได้โชว์ฝีมือ ส่วนการชกกับ วิว ในไฟท์ที่ 4 ตนไม่ติดรายการที่ไหน จึงตั้งใจจะชกให้ประทับใจแฟนมวยมากที่สุด
แต่อย่าลืมว่า การเอาชนะ วิว ด้วยสไตล์อยู่ข้างเชือก เป็นยุทธวิธีที่ คมเพชร ถนัด ขณะเดียวกัน วิว เองก็ไม่ชอบชกกับมวยทรงนี้ เพราะฉะนั้น ที่ คมเพชร บอกว่า จะชกเพื่อกู้ศรัทธาแฟนมวย จึงอยากให้ฟังหูไว้หู เพราะในท้ายที่สุด ทั้งคู่จะชกในทรงตั้งรับ รอจังหวะให้คู่ต่อสู้ออกอาวุธก่อน แล้วจึงโต้คืนกลับไป ยิ่งถ้าวันชก หน้าเสื่อ อยู่ฝั่งไหน ไม่ว่า วิว หรือ คมเพชร ก็น่าจะชกในสไตล์ “อยู่ข้างเชือก” ที่ชกแล้วได้เปรียบเหมือนกัน
การชกไฟท์ที่ 4 จึงน่าจะเหมือนหรือใกล้เคียง 3 ไฟท์ที่ผ่านมา คือทั้งคู่ใช้จังหวะฝีมือเชือดเฉือนกัน โดยไม่เน้นปะทะกันเท่าไหร่ ตัวแปรที่จะกำหนดผลแพ้ชนะของมวยคู่นี้ อยู่ที่สภาพแวดล้อม และเชียร์ของเซียนมวย ถ้า คมเพชร ชกข้างเชือกแล้วเซียนมวยชอบ ก็น่าจะชกทรงนี้ไปจนเข้าป้ายคว้าชัย ทำสถิติขึ้นมาเสมอกันที่ 2 – 2
แต่หากเสียงเชียร์ วิว ดังกว่า คมเพชร จะเป็นฝ่ายเดินเข้าร่องแข้ง จนมีสิทธิ์ช้ำแค้นเป็นครั้งที่ 3 แต่ดูรูปการณ์แล้ว สไตล์ปักหลักดักโต้ของ คมเพชร ในไฟท์นี้ น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเซียนมวยมากกว่า
ติดตามทุกข่าวสารวงการมวยได้ที่นี่ www.muayded789.com